Skip to content

เราจะใช้ Wi-Fi ทีมีอยู่ช่วยเพิ่มยอดโฆษณาสินค้าได้อย่างไร

เราจะใช้ Wi-Fi ทีมีอยู่ช่วยเพิ่มยอดโฆษณาสินค้าได้อย่างไร

7 นาทีหลังเช็คอิน รวมไปถึงหนึ่งในสามของแขกที่เข้าพักต้องการพาสเวิร์ด Wi-Fi แทบจะทันทีที่มาถึงโรงแรม* นอกจากนั้นยังพบความต้องการใช้งาน Wi-Fi ตามสนามบิน ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านกาแฟต่างๆ ซึ่งยิ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นของการให้บริการ Wi-Fi ในพื้นที่ใช้งานสาธารณะ ที่เจ้าของสถานที่ต้องเตรียมการใช้งาน Wi-Fi ให้กับลูกค้า แต่ บริการดังกล่าวคงยากที่เราจะเก็บเงินค่า Wi-Fi ทั้งที่เรายังคงต้องจ่ายค่าอินเทอร์เน็ต ค่าไฟฟ้า ค่า Wi-Fi  ค่าดูแลรักษา ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่ใช่น้อย แล้วเราจะหาประโยชน์จาก Wi-Fi ที่ลงทุนไปได้อย่างไร รวมถึงมีวิธีไหนที่จะทำให้ W-Fi ที่มีอยู่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับเราได้บ้าง

แนวคิดของการใช้ Wi-Fi เป็น Profit Center แทนที่จะเป็น Cost Center แบบเดิม สามารถทำได้โดยใช้ Wi-Fi เป็นช่องทางในการโปรโมต ส่งสาร ส่งข้อมูล แสดงรายละเอียดสินค้า โปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ได้แก่ การสร้างแคมเปญในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ผ่านการออกแบบหน้า Splash หรือ หน้า Captive Portal ซึ่งเป็นหน้าแรก เหมือนเป็นจุดพักให้ลูกค้าเห็นโฆษณา โปรโมชั่นต่างๆ รวมถึงกรอกข้อมูลเพื่อสมัคร Newletter ก่อนที่ลูกค้าจะ log in เพื่อเข้าใช้ Wi-Fi จึงเป็นวิธีที่จะช่วยให้เจ้าของ Wi-Fi เจ้าของสถานที่ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่เคยเป็นแค่ค่าใช้จ่ายมาโดยตลอด สร้างเป็นยอดขาย หรืออาวุธทางการตลาดได้ในที่สุด

“Linkyfi” เป็น Martech ประเภท Wi-Fi Marketing Platform ที่สามารถจัดการระบบ Guest WiFi Access และ WiFi Marketing รวมเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมทั้งยังเป็น Value-added Marketing services ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับนักการตลาด เพื่อทำให้ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตปลอดภัย ได้ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า และช่วยจัดช่องทางสื่อสารทางการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง อีกทั้งยังเป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อการทำ Wi-Fi Hotspot ที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดีที่สุด

ถ้าพูดถึงหน้า Splash หรือ หน้า Captive Portal จะพบว่า หลายๆ สถานที่ การขอข้อมูลจากลูกค้าดูจะเป็นปัญหาที่คิดไม่ออกว่าต้องทำอย่างไร ทั้งนี้ Linkyfi มีเคล็ดลับ สำหรับใช้เป็นแนวทางในการทำหน้าแรกให้น่าสนใจ และลูกค้ารู้สึกสบายใจในการกรอกข้อมูลกลับมาให้เรา

  • ข้อมูลหน้าแรก (Splash/Captive Portal) ควรกำหนดจำนวนคำถามให้จบไม่เกิน 3 คำถาม หากคำถามมากไป ลูกค้าจะรู้สึกว่า วุ่นวาย ขอข้อมูลเยอะ โดย 3 คำถามควรครอบคลุมในหัวเรื่อง ดังนี้ 
    • ควรมีคำถามเพื่อประโยชน์ด้านการทำ Marketing Communication Channel เพื่อเป็นข้อมูลไว้ติดต่อสื่อสารกับลูกค้า เช่น Email หรือเบอร์โทร
    • ควรมีคำถามเพื่อสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า Personal info Question เช่น ชื่อ ชื่อเล่น
    • ควรมีคำถามเพื่อใช้แบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (Target Group)  ทั้งนี้เพื่อนักการตลาดจะนำข้อมูลดังกล่าวไปแยกเพื่อทำตลาดแบบ Personalize Marketing ได้ เช่น เพศ อายุ ของกลุ่มลูกค้า
  • ไม่ควรต้องให้ลูกค้า กรอกข้อมูลซ้ำๆ ทุกครั้งที่เข้าใช้งาน ซึ่งเราสามารถกำหนดความถี่ตามความเหมาะสมของการใช้งานพื้นที่น้้นๆ 
  • อย่าลืม ระบุเงื่อนไขการใช้ข้อมูลรวมถึงรายละเอียดด้าน GDPR, PDPA ที่เกี่ยวข้องในจุดที่ลูกค้าจะเห็นได้ชัดเจน

Trick เพิ่มเติมเฉพาะ LinkyFi ที่แตกต่างจากผู้ให้บริการอื่นๆ จากข้อแนะนำที่ว่าอย่าตั้งคำถามที่มากเกินไป ด้วยคุณสมบัติของ Linkyfi เรามีระบบในการตรวจสอบว่าลูกค้าที่เข้ามาใช้ Wi-Fi เป็นลูกค้าที่เข้าใช้ครั้งแรก หรือลูกค้าเก่า ลูกค้าเข้ามาใช้บริการไปแล้วกี่ครั้ง โดยเราสามารถตั้งหน้า Splash/Captive Portal แตกต่างกันได้ตามลูกค้าที่มีการใช้งานใหม่เก่า  โดยเราสามารถใช้เครื่องมือของ LinkyFi เป็นแพลตฟอร์มในการสะสมข้อมูลของลูกค้าให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครอบคลุมทุกแง่มุม โดยที่ไม่กวนใจลูกค้า  ตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่เข้าใช้ Wi-Fi ในครั้งที่สอง ครั้งที่สาม Linkyfi สามารถดันฟอร์มเพื่อกรอกข้อมูลที่แตกต่างไปจากการเข้าสู่ระบบครั้งแรก เช่นครั้งแรกเราเก็บอีเมลและชื่อจริงของลูกค้าไปแล้ว ในระหว่างการเข้าสู่ระบบครั้งต่อไป เราเลือกที่โชว์หน้าเพื่อขอหมายเลขโทรศัพท์เพิ่มเติม ซึ่งเมื่อยิ่งนานวันเข้า ข้อมูลเราก็จะยิ่งมากขึ้น ซึ่งผลลัพท์ที่ได้จะทำให้เราสามารถทำตลาดได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า เมื่อเทียบกับการใช้เครื่องมือการตลาดอื่นๆ

โดยข้อมูลที่ลูกค้ากรอกรายละเอียดกลับมา เราสามารถนำไปใช้งานทางการตลาดได้ดังนี้

  1. เก็บเป็นฐานข้อมูลเพื่อสร้างแคมเปญทางการตลาด ที่เกี่ยวข้องกับ Customer Loyalty Program ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ อย่างต่อเนื่อง
  2. ทำโปรโมชั่นพิเศษสำหรับร้านค้าในพื้นที่ เช่น นาทีทองรับส่วนลดพิเศษ โปรโมชั่นร้านค้าเฉพาะตามกลุ่มเป้าหมาย  เป็นต้น
  3. ทำแคมเปญพ่วงไปกับ Social Marketing Platform อื่นๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของเราได้ทุกที่ทุกเวลา (Linkyfi สามารถ Log in ผ่าน Social Media ต่างๆ ได้แก่ Facebook, Google, Instagram, Twitter, Line, LinkedIn, ฯลฯ)

ทั้งนี้ Linkyfi ยังมีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ที่โดดเด่นแตกต่างจากผู้ให้บริการอื่น เช่น การวิเคราะห์ผู้เข้าใช้งานผ่าน Heatmap Report, การแสดงการเคลื่อนที่ของคนในพื้นที่ผ่าน Location Tracking, รายงานสถิติผู้เข้าใช้งาน รวมถึงในพื้นที่ที่จำกัดจำนวนคนเข้า สามารถตั้ง Alert เตือนหากมีคนอยู่ในพื้นที่เกินจำนวนที่กำหนดไว้ได้

เปลี่ยน Wi-Fi ที่มีอยู่เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าด้วย LinkyFi

ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน ธุรกิจต่างๆ ต้องหาวิธีการใหม่ๆ ในการโฆษณาผลิตภัณฑ์ของตน โซลูชันการตลาดผ่าน Wi-Fi สำหรับลูกค้าที่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สายในพื้นที่ จึงกลายเป็นเครื่องมือที่ดีเยี่ยมในการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและทำการตลาดให้กับธุรกิจของคุณ นอกจากนั้นแล้วแล้ว ธุรกิจยังสามารถปรับปรุงกระบวนการจัดการ WiFi เพื่อใช้ในการรวบรวมข้อมูล และจัดการทางการตลาดแบบอัตโนมัติ และด้วยโซลูชัน จาก Linkyfi จะช่วยส่งเสริมแคมเปญการตลาดของคุณและมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับแขก นอกจากน้้น เรายังสามารถมีโมเดลในการสร้างรายได้จากฮอตสปอต Wi-Fi ของคุณ เพื่อเปลี่ยนจากต้นทุนที่จ่ายไปทุกเดือนๆ ให้เป็นรายรับ และกำไรได้ในที่สุด

สนใจรายละเอียดของ LinkyFi รวมถึงต้องการทดสอบการใช้งาน หรือ หาข้อมูลรุ่นของ AP ที่ใช้งานร่วมกันได้ ติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายหรือการตลาดได้ทันที

 

Tel : 02-2479898 ต่อ 87 Email : [email protected]

เรียบเรียงเป็นภาษาไทยโดย : คุณ วุฒิชัย ปริญญานุสรณ์

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

SHARE TO:

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn
Share on email
Email